สรุปชุดเครื่องมือที่ 1-9 “ผู้บริหารยุคใหม่ ไทยเข้มแข็ง
เอกสารอบรมผู้บริหารฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) (มาจากชุดเครื่องมือที่ 6 เป็นเอกสารที่ใช้ในการอบรมผู้บริหารสถานศึกษา)
การบริหารการเปลี่ยนแปลง
(Change
Management)
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสำเร็จของการเปลี่ยนแปลง
1.
ปัจจัยด้านระบบ (System)
เช่น ระบบการทำงาน เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการทำงาน สภาพแวดล้อมในการทำงาน
2.
ปัจจัยด้านบุคคล (People)
เช่น ความรู้ ความสามารถ ทักษะ
เหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลง
1.
องค์การมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง (ควบรวมหรือลดขนาดหน่วยงาน) เช่น
-
ยุบโรงเรียนขนาดเล็ก
-
การตั้งสถานศึกษายุคใหม่ภายใต้โครงการโรงเรียนดีประจำตำบลจากการร่วมมือของ
สพฐ.และ
อบต.
2.
องค์การมีการเพิ่มบทบาทหน้าที่และบริการใหม่
(เพิ่มจากเดิม) เช่น
-
การเข้าร่วมโรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class
Standard School)
3.
องค์การมีการเปลี่ยนผู้บริหาร
-
การโยกย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา
4.
องค์การต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี
เช่น
-
โครงการส่งเสริมการใช้
Open
Source ในสถานศึกษา
-
การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา (National
Education Network ตัวย่อ
NedNet)
-
การใช้ระบบ e-office และ e-learning
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่อองค์การ
1.
เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ
(Structure
Change) เช่น
-
ทำงานเป็นทีมมากขึ้น
ลดการบังคับบัญชาแบบสายงานจากบนลงล่างให้น้อยลง
2.
เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องบุคลากรในองค์การ (People
Change) เช่น
-
การเปลี่ยนระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานของบุคลากร
-
การเปลี่ยนระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร
3.
เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Process
Change) เช่น
-
การเปลี่ยนกระบวนการในการออกใบอนุญาต
-
การเปลี่ยนวิธีการในการจัดการกับการบริการให้กับประชาชน
-
การเปลี่ยนกระบวนการตัดสินใจต่างๆในองค์การ
4.
เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมองค์การ (Cultural
Change) เช่น
-
เปลี่ยนเป็นองค์การที่มุ่งเน้นการให้บริการประชาชน (Citizen-centric
Organization)
ผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง
1.
ผู้อุปถัมภ์การเปลี่ยนแปลง (Change
Sponsor) คือ
ผู้มีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
2.
ผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
(Change
Advocate) คือ
ผู้ให้การสนับสนุนโดยการสื่อสารความสำคัญและเนื้อหาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ส่วนต่างๆขององค์การ
รวมทั้งช่วยในการรับข้อมูลและข้อคิดเห็นจากผู้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงและสื่อสารกลับไปให้ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงทราบ
3.
ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลง (Change
Agent) คือ
ผู้วางแผนและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งควบคุมดูแลการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้ประสานงานและตัวกลางในการสื่อสารกับทุกฝ่าย
4.
ผู้ที่จะต้องเปลี่ยนแปลง (Change
Target) คือ
ผู้ที่ต้องถูกเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ได้แก่ อาจเปลี่ยนตำแหน่ง หน้าที่ กระบวนการทำงาน ทัศนคติ เป็นต้น
ตัวอย่างผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
บทบาท ส่วนราชการ
|
หน่วยงานระดับเขตพื้นที่การศึกษา
|
ผู้อุปถัมภ์การเปลี่ยนแปลง (Change Sponsor)
|
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
|
ผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง (Change
Advocate)
|
รองผอ.เขตฯ และ ศึกษานิเทศก์ในสพท.
|
ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)
|
ผู้อำนวยการสถานศึกษา
|
ผู้ที่จะต้องเปลี่ยนแปลง (Change Target)
|
ครูทุกคนในโรงเรียน
|
ตัวอย่างผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษา
บทบาท ส่วนราชการ
|
หน่วยงานระดัสถานศึกษา
|
ผู้อุปถัมภ์การเปลี่ยนแปลง (Change Sponsor)
|
ผู้อำนวยการสถานศึกษา
|
ผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง (Change
Advocate)
|
รองผู้อำนวยการสถานศึกษา และหัวหน้างาน
|
ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)
|
ครูทุกคนในโรงเรียน
|
ผู้ที่จะต้องเปลี่ยนแปลง (Change Target)
|
นักเรียนทุกคนในโรงเรียน
|
การเตรียมความพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลง
1.
มีผู้บริหารที่มีความสามารถได้รับการยอมรับ
2.
สมาชิกในหน่วยงานมีความรู้สึกต้องการการเปลี่ยนแปลง
3.
ไม่มีโครงสร้างการบริหารหลายระดับชั้นและสมาชิกคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกัน
กระบวนการวางแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ มี 5 ขั้นตอน คือ
1.
การสร้างทีมเจ้าภาพ
<หมายถึง สร้างผู้รับผิดชอบในการวางแผนการเปลี่ยนแปลง>
2.
การพัฒนาวิสัยทัศน์ของการเปลี่ยนแปลง
<หมายถึง พัฒนาภาพในอนาคตที่ทุกคนต้องการเห็นเมื่อการเปลี่ยนแปลงสิ้นสุดลง>
ปล. ในกระบวนการนี้ วิธีที่นิยม คือ
เปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิสัยทัศน์ของการเปลี่ยนแปลง โดยให้บุคลากรได้ตอบคำถามในใจตนเองว่า
“1)ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง 2)เปลี่ยนแปลงเพื่ออะไร
3)ภายหลังการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการเห็นคืออะไร”
3.
การวางแผนและการกำหนดตัวชี้วัด
<หมายถึง กำหนดกิจกรรมงานหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆที่ทำให้ภาพในอนาคตเป็นจริง>
ปล. ในกระบวนการนี้ มีเครื่องมือสมัยใหม่ที่นิยม
คือ Force Field Analysis หรือ
การทำการวิเคราะห์ปัจจัยสำเร็จและต่อต้าน จากเครื่องมือนี้เป็นการตอบคำถาม 3
ข้อ ดังนี้
1)อะไรบ้างที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
2)อะไรบ้างที่จะเป็นอุปสรรคกีดขวางการเปลี่ยนแปลง 3)จะก้าวข้ามอุปสรรคนั้นได้อย่างไร
4.
การพัฒนาโครงสร้างที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
<หมายถึง การพัฒนาโครงสร้าง 3 ประการ ได้แก่บุคลากร, ระบบการให้รางวัล, การทำงานเป็นทีม>
ปล. ลักษณะทีมงานของการเปลี่ยนแปลง คือ 1)สมาชิกในทีมมีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน2)ทีมมีเป้าหมายร่วมกัน
5.
ดำเนินการและหยั่งรากการเปลี่ยนแปลง
<หมายถึง ดำเนินการใน 4 ประการ ได้แก่
(1)สื่อสารอย่างต่อเนื่อง (2)ลดแรงต้าน สร้างแรงสนับสนุน (3)ฉลองชัยชนะระหว่างทาง (4) สร้างความสำเร็จที่เกิดขึ้นให้ยั่งยืนด้วยการใช้นโยบาย
ระบบ และโครงสร้างขององค์การ>
ปล. จากข้อ (2)ลดแรงต้าน
สร้างแรงสนับสนุน ได้กล่าวถึง
ขั้นตอนอารมณ์ของบุคคลที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลง มี 4 ขั้นตอนหลัก คือ 1)
ตกใจและปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง
2) โกรธและต่อต้าน
3)รับรู้และทดลองปฏิบัติตาม 4)ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว
รูปแบบภาวะผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social
Change Model of Leadership ตัวย่อSCML) คือ การพัฒนาภาวะผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ประกอบด้วยค่านิยมสำคัญ 7 ประการ (The 7 C’s Values)
1.
ความเข้าใจในตนเอง (Consciousness of Self)
2.
การกระทำที่สอดคล้องทุกด้านภายในตน (Congruence)
3.
ความยึดมั่นผูกพัน (Commitment)
4.
ความร่วมมือร่วมใจ
(Collaboration)
5.
การมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน
(Common
Purpose)
6.
สามารถขัดแย้งกันได้แต่ต้องสุภาพ (Controversy
with Civility)
7.
ความสำนึกในความเป็นสมาชิกหรือความเป็นพลเมือง (Citizenship)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น